Last updated: 25 ต.ค. 2567 | 94 จำนวนผู้เข้าชม |
ความแตกต่างที่คุณควรรู้ Prism และ Non-Prism ในกล้อง Total Station
กล้อง Total Station เป็นเครื่องมือสำคัญในการสำรวจและก่อสร้าง โดยมีฟังก์ชันหลักคือการวัดระยะทาง มุม และพิกัดของจุดต่างๆ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งในโหมด Prism (ใช้ปริซึม) และ Non-Prism (ไม่ใช้ปริซึม) แต่ทั้งสองโหมดนี้มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ดังนี้
โหมด Prism (ใช้ปริซึม)
• หลักการทำงาน: กล้องจะส่งสัญญาณเลเซอร์ไปยังปริซึม แล้วรับสัญญาณที่สะท้อนกลับมาจากปริซึมเพื่อคำนวณระยะทาง
ข้อดี :
•ความแม่นยำสูง: ปริซึมจะสะท้อนสัญญาณเลเซอร์กลับมายังกล้องได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้ค่าระยะทางที่แม่นยำสูง
•ระยะทางไกล: สามารถวัดระยะทางได้ไกลกว่าโหมด Non-Prism
ข้อจำกัด :
•ความยืดหยุ่นต่ำ: จำเป็นต้องมีผู้ช่วยถือปริซึม ทำให้การทำงานอาจไม่สะดวกเท่าโหมด Non-Prism
•ค่าใช้จ่าย: ปริซึมมีราคาค่อนข้างสูง
โหมด Non-Prism (ไม่ใช้ปริซึม)
• หลักการทำงาน: กล้องจะส่งสัญญาณเลเซอร์ไปยังเป้าหมายที่เป็นพื้นผิวแข็งโดยตรง แล้วรับสัญญาณที่สะท้อนกลับมาเพื่อคำนวณระยะทาง
ข้อดี :
•ความสะดวก: ไม่จำเป็นต้องใช้ปริซึม ทำให้การทำงานง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น
•ความยืดหยุ่น: สามารถวัดระยะได้ในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น บนกำแพงสูง หรือในพื้นที่แคบ
•ไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วย: สามารถทำงานได้เพียงคนเดียว
ข้อจำกัด:
•ความแม่นยำ: อาจมีความแม่นยำน้อยกว่าการใช้ปริซึมเล็กน้อย เนื่องจากสัญญาณเลเซอร์ที่สะท้อนกลับอาจได้รับผลกระทบจากสภาพพื้นผิว
•ระยะทาง: ระยะทางที่วัดได้อาจสั้นกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ปริซึม
เมื่อไหร่ควรใช้โหมดไหน
ควรใช้โหมด Prism เมื่อ :
1. ต้องการความแม่นยำสูงในการวัดระยะทาง
2. ต้องการวัดระยะทางไกล
3. ทำงานในพื้นที่ที่เปิดโล่งและสะดวกในการวางปริซึม
ควรใช้โหมด Non-Prism เมื่อ :
1. ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องมีความแม่นยำสูงมาก
2. ทำงานในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก หรือไม่สามารถวางปริซึมได้
บทสรุป
• โหมด Non-Prism: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องมีความแม่นยำสูงมาก เช่น การสำรวจเบื้องต้น การวัดระยะทางในพื้นที่จำกัด
• การใช้ปริซึม: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การสำรวจละเอียด การสร้างแผนที่ หรือการวางผังโครงการก่อสร้าง
3 ธ.ค. 2567
13 ธ.ค. 2567
18 ธ.ค. 2567