Last updated: 3 มี.ค. 2568 | 100 จำนวนผู้เข้าชม |
วิธีวัดระดับทางอ้อม (Trigonometric Leveling) คืออะไร?
การวัดระดับเป็นกระบวนการสำคัญในงานสำรวจและวิศวกรรมโยธา เพื่อหาค่าความสูงหรือความแตกต่างของระดับระหว่างจุดต่างๆ บนพื้นผิวโลก วิธีการวัดระดับสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ การวัดระดับโดยตรง (Geometric Leveling) ซึ่งใช้กล้องวัดระดับ (Level) และไม้สเกล และ การวัดระดับทางอ้อม (Trigonometric Leveling) ซึ่งใช้หลักการตรีโกณมิติในการคำนวณระดับความสูงจากค่ามุมดิ่งและระยะลาดชัน
บทความนี้จะอธิบายหลักการของ Trigonometric Leveling พร้อมทั้งวิธีการคำนวณและการประยุกต์ใช้งานในด้านต่างๆ
หลักการของ Trigonometric Leveling
1. นิยามของ Trigonometric Leveling
การวัดระดับทางอ้อม (Trigonometric Leveling) เป็นเทคนิคการวัดระดับความสูงโดยใช้ มุมดิ่ง (Vertical Angle, α) และ ระยะลาดชัน (Slope Distance, S) ที่วัดได้จากเครื่องมือสำรวจ เช่น Total Station หรือ Theodolite วิธีนี้ช่วยให้สามารถกำหนดค่าระดับของจุดที่อยู่ห่างไกล หรืออยู่ในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
2. อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดระดับทางอ้อม
- Total Station หรือ Theodolite – ใช้สำหรับวัดมุมดิ่งและระยะทาง
- เป้าสะท้อนแสง (Prism) – ใช้เป็นจุดเป้าหมายที่ต้องการวัดระดับ
- เทปวัดระยะ หรือ EDM (Electronic Distance Measurement) – ใช้วัดระยะหาก Total Station ไม่มีฟังก์ชันวัดระยะ
- ขาตั้งกล้อง (Tripod) – ใช้สำหรับตั้งเครื่องมือให้มั่นคง
- ไม้สเกล หรือ ไม้วัดระดับ (Leveling Rod) – ใช้เป็นเครื่องหมายวัดระดับ
วิธีการวัดระดับทางอ้อม
1. ตั้งค่าเครื่องมือสำรวจ
นำ Total Station ไปติดตั้งที่ จุด A ซึ่งเป็นจุดที่ทราบค่าความสูง (HA)
ปรับระดับเครื่องมือให้อยู่ในแนวระนาบ โดยใช้ฟองน้ำระดับ (Bubble Level)
เล็งไปยัง จุด B ซึ่งเป็นจุดที่ต้องการวัดค่าความสูง
2. วัดค่าต่างๆ
วัดระยะลาดชัน (S): ระยะทางระหว่างเครื่องมือและเป้า
วัดมุมดิ่ง (α): มุมเงยหรือมุมก้มจากแนวระดับไปยังเป้าหมาย
บันทึกค่าความสูงของเครื่องมือ (HI) และความสูงของเป้า (HR)
3. คำนวณค่าความแตกต่างของระดับความสูง (ΔH)
ค่าความสูงของจุด B (HB) สามารถคำนวณได้จากสูตรทางตรีโกณมิติ
ข้อดีและข้อเสียของ Trigonometric Leveling
ข้อดี
- สะดวกและรวดเร็ว – ใช้เครื่องมือ Total Station เพียงเครื่องเดียว
- ใช้ในพื้นที่ที่เข้าถึงยากได้ – เหมาะสำหรับภูเขา ตึกสูง และพื้นที่ลาดชัน
- สามารถวัดระยะทางไกลได้ – ใช้กับงานสำรวจที่มีระยะไกลมากกว่าวิธีวัดระดับแบบดั้งเดิม
ข้อเสีย
- ความแม่นยำขึ้นอยู่กับระยะทาง – หากระยะทางไกล อาจมีความคลาดเคลื่อนเพิ่มขึ้น
- มีข้อผิดพลาดจากสภาพแวดล้อม – อุณหภูมิ ความชื้น และการหักเหของแสงสามารถส่งผลต่อค่าที่วัดได้
-ต้องการการตั้งค่าเครื่องมือที่ถูกต้อง – หากตั้งค่าเครื่องผิดพลาด ค่าที่คำนวณอาจผิดไปมาก
การประยุกต์ใช้ในงานสำรวจและวิศวกรรมโยธา
- งานก่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ – ใช้ในโครงการก่อสร้างตึกสูง สะพาน และโครงสร้างพื้นฐาน
- การสำรวจภูมิประเทศ (Topographic Survey) – ใช้ในการวัดระดับภูมิประเทศในพื้นที่กว้าง
- งานออกแบบถนนและทางหลวง – ใช้วัดระดับเพื่อการออกแบบถนน
- งานติดตั้งโครงสร้างพื้นฐาน – ใช้ในการติดตั้งท่อส่งน้ำ ไฟฟ้า และระบบระบายน้ำ
สรุป
Trigonometric Leveling เป็นวิธีวัดระดับที่รวดเร็วและสะดวก โดยใช้หลักการตรีโกณมิติในการคำนวณค่าความสูงจาก มุมดิ่งและระยะลาดชัน วิธีนี้เหมาะกับงานที่ต้องการความรวดเร็ว เช่น งานสำรวจพื้นที่ลาดชัน หรืองานที่ต้องการวัดระยะไกล
หากใช้อย่างถูกต้อง Trigonometric Leveling สามารถให้ค่าที่แม่นยำและทดแทนการวัดระดับแบบ Geometric Leveling ได้ในหลายสถานการณ์
18 เม.ย 2568
18 เม.ย 2568
11 เม.ย 2568
17 เม.ย 2568