การวัดระยะโดยใช้กล้องวัดระดับ
กล้องวัดระดับสามารถใช้วัดระยะทางได้ โดยอาศัยหลักการอ่านค่าจาก Stadia Hair หรือ Reticle Lines ที่อยู่ในกล้องร่วมกับ ไม้สต๊าฟ (Leveling Staff) ซึ่งเป็นไม้บรรทัดที่มีสเกลบอกระยะ
หลักการวัดระยะโดยใช้กล้องวัดระดับ:
- ตั้งกล้องวัดระดับ บนขาตั้งกล้องและปรับระดับให้เรียบร้อย
- วางไม้สต๊าฟ ในแนวตั้ง ณ จุดที่ต้องการวัดระยะ
- เล็งกล้องไปยังไม้สต๊าฟ และอ่านค่าจากเส้นใย Stadia Hair บน (Upper Stadia) และเส้นใย Stadia Hair ล่าง (Lower Stadia)
- คำนวณระยะทาง โดยใช้สูตร:
ระยะทาง (D) = K x (ค่า Stadia บน - ค่า Stadia ล่าง)
โดยที่ K คือค่าคงที่ของกล้อง (Stadia Interval Factor) ซึ่งส่วนใหญ่มักมีค่าเท่ากับ 100
ตัวอย่าง:
- อ่านค่า Stadia บนได้: 1.985 เมตร
- อ่านค่า Stadia ล่างได้: 0.645 เมตร
- ค่า K = 100
ดังนั้น ระยะทาง (D) = 100 x (1.985 - 0.645) = 100 x 1.340 = 134.0 เมตร
ข้อจำกัดของการวัดระยะด้วยกล้องวัดระดับ:
- ความแม่นยำ: การวัดระยะด้วยวิธีนี้มีความแม่นยำน้อยกว่าการวัดด้วยเทปวัดระยะ หรือเครื่องมือวัดระยะทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDM) เช่น กล้อง Total Station
- ระยะทาง: เหมาะสำหรับการวัดระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก เนื่องจากความชัดเจนในการอ่านค่าบนไม้สต๊าฟจะลดลงเมื่อระยะทางมากขึ้น
- ความลาดชัน: หากพื้นที่ระหว่างกล้องและไม้สต๊าฟมีความลาดชันมาก จะต้องมีการคำนวณเพิ่มเติมเพื่อหาระยะทางในแนวราบที่แท้จริง
สรุป:
กล้องวัดระดับสามารถใช้วัดระยะทางได้โดยอาศัยหลักการอ่านค่า Stadia Hair บนไม้สต๊าฟ แต่มีความแม่นยำและข้อจำกัดในการใช้งานบางประการ หากต้องการความแม่นยำสูงและวัดระยะทางไกล ควรเลือกใช้เครื่องมือวัดระยะทางที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เช่น กล้อง Total Station หรือเครื่องวัดระยะทางเลเซอร์
ยินดีให้คำปรึกษาแนะนำ กล้องระดับ กล้องวัดมุม กล้องประมวลผลรวม และบริการหลังการขาย : บริษัท พี นัมเบอร์วัน อินสตรูเม้นท์ จำกัด